Home isolation ทางเลือกใหม่ให้ผู้ป่วยโควิดรักษาที่บ้าน
ปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยยังคงขยายเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้ผู้ติดเชื้อมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่จำนวนผู้รักษาหายนั้นยังมีจำนวนน้อย ส่งผลให้ไม่สามารถรองรับรองผู้ติดเชื้อทั้งหมดเข้าไปรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ เนื่องจากโรงพยาบาลมีเตียงในจำนวนจำกัด ต้องสงวนให้กับคนไข้ที่จำเป็นเข้ารับการรักษาตัวตามแต่วินิจฉัยของแพทย์เท่านั้น
ถึงแม้ว่า จะมีการสร้างโรงพยาบาลสนามขึ้นมากระจายตามจังหวัดต่างๆ เพื่อเพิ่มกำลังรองรับผู้ติดเชื้อ แต่เป็นเรื่องยากที่จะสามารถสร้างโรงพยาบาลสนามได้เร็วพอที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพราะถ้าหากไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า ก็จะต้องใช้เวลาในการสร้างโรงพยาบาลสนามอย่างน้อย 1 สัปดาห์
Home Isolation คือ แนวทางให้ผู้ป่วยโควิด 19 ที่ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ สามารถกักตัวรักษาได้ที่บ้าน ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และพยาบาล
ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2564 กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกประกาศว่าด้วย ‘แนวทางการพิจารณาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เหมาะสมกับการแยกตัวที่บ้าน (Home Isolation)’ โดยมีสาระสำคัญคือ โรงพยาบาลอาจพิจารณาให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใช้ที่พักอาศัยเป็นสถานที่แยกตัวได้ แต่ต้องผ่านเกณฑ์ต่างๆ ที่ทั้งผู้ป่วย และโรงพยาบาลต้องพิจารณาดังต่อไปนี้
รูปภาพจาก https://thestandard.co/coronavirus-victim-could-do-home-isolation/
เกณฑ์การแยกกักตัวที่บ้าน เพื่อประเมินความพร้อมของตัวผู้ป่วย ได้แก่
เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ (Asymptomatic Cases)มีอายุไม่เกิน 40 ปี
มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
มีผู้อาศัยร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน
ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 25 กก./ม2 หรือน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กก.)
-
ไม่มีโรคร่วม ดังต่อไปนี้
- โรคปอดอุดตันเรื้อรัง (COPD)
- โรคไตเรื้อรัง (CKD)
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคหลอดเลือดสมอง
- เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
- โรคอื่นๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์ ยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเอง
และ ประเมินความพร้อมในการจัดเตรียมสถานที่แยกกักตัว ได้แก่
มีผู้จัดหาอาหารและของใช้จำเป็นให้ได้
มีห้องส่วนตัว (กรณีอยู่หอพัก / คอนโดมิเนียม ควรมีห้องน้ำส่วนตัว)
ผู้ที่อยู่อาศัยร่วมสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องสุขอนามัยได้
ติดต่อกับโรงพยาบาลและเดินทางมาโรงพยาบาลได้สะดวก
เมื่อผ่านเกณฑ์ข้างต้นแล้ว จะดำเนินตามขั้นตอนของโรงพยาบาลเพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัว ดังนี้
ลงทะเบียนผู้ติดเชื้อ COVID-19
มีภาพรังสีทรวงอก (chest X-ray): ปอดปรกติ
มีปรอทวัดไข้ และ pulse oximeter ให้ผู้ติดเชื้อ เพื่อวัดค่าออกซิเจนในเลือดของผู้ป่วย
มีระบบ และ / หรือช่องทางสื่อสารกับผู้ติดเชื้อ
มีช่องทางติดต่อ สื่อสารในกรณีฉุกเฉิน
มีระบบรับผู้ติดเชื้อส่งโรงพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน
.jpg?frontend_host=https%3A%2F%2Fdigitalplatform.sansiri.com)
ที่ผ่านมา พลัสฯ ได้ออกมาตราการเพื่อจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยความดูแลเอาใจใส่ เพื่อให้การกักตัวของลูกบ้านทุกท่านเป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย โดยการทำงานของทีม Plus Living Management ดังนี้
วางแผนรับมือเตรียมมาตรการป้องกันความเสี่ยง ทีมสนับสนุนจากส่วนกลาง และ ทีมนิติบุคคลในโครงการ รายงานสถานการณ์วันต่อวัน
เคลื่อนย้ายผู้ป่วยด้วยลิฟต์ขนของเท่านั้น โดยทีมดำเนินการทั้งหมดจะสวมชุดป้องกัน ทำความสะอาดฆ่าเชื้อทันทีเพื่อเปิดพื้นที่ให้ใช้งานได้ตามปกติ
จำกัดพื้นที่ให้ผูัมีความเสี่ยงอยู่แต่ในห้องเท่านั้น โดยต้องทำแบบประเมินของกรมควบคุมโรค และส่งข้อมูลให้ทางเจ้าหน้าที่ทุกวัน เช่น การวัดไข้และสำรวจอาการ
ช่วยดูแลนัดหมายเรื่องการส่งอาหาร น้ำดื่ม หรือ ของใช้จำเป็น ในบริเวณหน้าห้องพัก และ หลังการรับส่งของจะมีการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณชั้นนั้นๆ
รวมถึง พลัสฯ ได้ออกข้อปฏิบัติระหว่าง Home Isolation สำหรับลูกบ้านผู้ป่วย COVID-19 ที่ผ่านเกณฑ์สามารถกักตัวรักษาได้ที่บ้าน ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์และพยาบาล ดังนี้
ห้ามผู้ใดมาเยี่ยมที่บ้าน ระหว่างแยกกักตัว
สวมหน้ากากอนามัย ตลอดเวลาก่อนออกมาจากห้องพัก
ล้างมือทุกครั้ง ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ เมื่อจำเป็นต้องสัมผัสกับผู้อื่น หยิบจับของใช้ร่วมกัน
ไม่เข้าใกล้ หรือสัมผัส ผู้สูงอายุ และเด็กเด็ดขาด รักษาระยะห่าง 1- 2 เมตร
แยกห้องกันอยู่ หากแยกไม่ได้ควรจัดให้ห่างจากคนอื่นมากที่สุด ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ไม่ควรนอนร่วมกันในห้องแอร์ที่ใช้ร่วมกัน ให้ปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำ และหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ
แยกของใช้ส่วนตัวกับผู้อื่น ฟองน้ำล้างจานและการซักเสื้อผ้า ควรซักผ้า ผ้าขนหนู และเครื่องนอน ด้วยผงซักฟอกตามปกติ หากเป็นไปได้ควรซักร่วมกับน้ำร้อน หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
โดย พลัสฯ อยู่ตรงนี้เพื่อช่วยเหลือลูกบ้านทุกคนเสมอ เมื่อลูกบ้านต้องกักตัว ดังนี้
ให้แจ้งฝ่ายจัดการโครงการก่อน เพื่อเตรียมอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายเข้า-ออกอย่างปลอดภัย ลดการแพร่กระจายของเชื้อในโครงการตลอดระยะเวลากักตัว
บริการส่งอาหาร พัสดุ และเก็บขยะติดเชื้อ ตามเวลาให้ทุกวัน
จัดการประสานงาน ในกรณีฉุกเฉิน
สุดท้ายนี้ ด้วยความห่วงใย พลัสฯ จะคอยประชาสัมพันธ์อัปเดตข้อมูลข่าวสาร มาตรการป้องกันและเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดต่อให้ลูกบ้านทราบข้อมูลเพื่อป้องกัน และดูแลตัวเอง
อีกทั้งยังมีทีม Plus Living Management ที่พร้อมดูแลลูกบ้านทุกท่านอยู่เสมอ
บทความที่เกี่ยวข้อง
