ผ่าทางรอดอสังหาฯ ท่ามกลางวิกฤตโควิด-19

08 มิ.ย. 2021 พลัสทอล์ก


ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ นับเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการจ้างงานของประเทศ เนื่องจากมีธุรกิจและแรงงานหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ปะทุขึ้นมาแพร่ระบาดอีกครั้ง ส่อเค้าความท้าทายที่เป็นโจทย์ใหญ่ให้แก่ผู้ประกอบอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องกลับมาทบทวนแผนทางธุรกิจอีกครั้ง

ในส่วนของผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Developer) ก็ต้องพยายามปรับกลยุทธ์เพื่อเร่งระบายสต็อกคงค้าง และกระตุ้นการขายโครงการเพื่อเพิ่มกระแสเงินสดให้ธุรกิจของตน

ในส่วนของการพัฒนาโครงการ ควรเน้นโครงการที่น่าจะมีดีมานด์และมีโอกาสขายได้จริงในสถานการณ์เช่นนี้  พัฒนาโครงการที่มีการออกแบบฟังก์ชั่นห้องครบครัน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลายรูปแบบ ในทำเลที่แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและใช้เวลาเดินทางไม่มาก  และที่สำคัญต้องทำราคาให้จับต้องเข้าถึงได้ง่าย เป็นตลาดที่มีโอกาสไปได้ในช่วงสถานการณ์นี้ 

นอกจากเรื่องการพัฒนาโครงการแล้ว ยังควรวางแผนและมองไปถึงเรื่องบริการหลังการขาย เพื่อการดูแลลูกค้าที่ครบวงจร เพิ่มจุดขายให้มากขึ้น ทั้งในขั้นตอนบริการระหว่างการขายโครงการ เช่นการเยี่ยมชมโครงการ ที่ต้องสร้างความมั่นใจและคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัยในยุคโควิด-19 

เช่นการใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย นำชมโครงการผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ หรือการเข้าชมสถานที่จริงก็ต้องมีมาตรการที่รัดกุมในการทำนัดหมาย จำกัดจำนวนผู้เข้าชม และตรวจคัดกรองผู้เข้าชมโครงการ ตลอดจนดูแลเรื่องการทำความสะอาดฆ่าเชื้อก่อนและหลังเมื่อมีการเข้าชมโครงการ 


และในส่วนบริการหลังการซื้อขาย ต้องมีการส่งต่อโครงการให้บริษัทบริหารนิติบุคคลที่น่าเชื่อถือในการดูแลบริหารจัดการต่อ เพื่อสร้างความมั่นใจในการดูแลด้านความปลอดภัย สุขอนามัย ความสะดวกสบาย ดูแลการใช้ชีวิตและการอยู่อาศัยให้ลูกค้า และดูแลโครงการในภาพรวมทั้งด้านกายภาพและงานระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สำหรับมาตรการที่ส่งผลต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จากภาครัฐ เช่น มาตรการ LTV อาจต้องพิจารณาเงื่อนไขบางประการให้เหมาะสมยิ่งขึ้นแม้จะมีการผ่อนผันไปบ้างแล้วในตอนนี้ 

เช่น การขยับเพดานราคาที่เคยกำหนดไว้ให้สูงขึ้นเพื่อครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น หรือมาตรการที่ช่วยสนับสนุนนักลงทุนระยะยาวซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพราะเน้นการเป็นเจ้าของเพื่อนำมาปล่อยเช่า 

ซึ่งโดยหลักการแล้วการลงทุนลักษณะนี้ไม่ควรถูกจัดอยู่ในกลุ่มที่ถูกควบคุมตามมาตรการปัจจุบัน ซึ่งหากภาครัฐมีการทบทวนข้อจำกัดหรือปรับเกณฑ์อย่างถี่ถ้วนและมองที่การส่งเสริมผู้ซื้อที่ดีให้ได้รับการสนับสนุน สุดท้ายจะช่วยกระตุ้นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ซึ่งจะส่งผลต่อการจ้างงานและกระจายรายได้ให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจต่อไป

นอกจากนี้ สำหรับการพิจารณาหาข้อสรุปอย่างมาตรการปลดล็อกโควต้าลูกค้าต่างชาติ ซึ่งก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายภาคส่วน แต่มองว่าหากมีการพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอย่างเหมาะสม เช่น กำหนดโซนพิเศษเป็นบางพื้นที่ที่มีดีมานด์จากลูกค้าต่างชาติสูง 

กำหนดเงื่อนไขด้านราคาหรือรูปแบบโครงการให้เหมาะกับความต้องการซื้อของลูกค้าชาวต่างชาติ หรือมองประโยชน์ระยะยาวที่จะได้รับทั้งในแง่รายได้หรือคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่โดยรอบ แล้วกำหนดเป็นหลักเกณฑ์ข้อบังคับสำหรับชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนหรือต้องการมีกรรมสิทธิ์ เช่น รายได้จากการซื้อเพื่อปล่อยเช่าอาจมีอัตราภาษีพิเศษเพิ่มเติมจากปกติ เป็นต้น 

นอกจากนี้มาตรการที่สนับสนุนการมีที่อยู่อาศัยสำหรับกลุ่มผู้ซื้อภายในประเทศ ยังต้องให้น้ำหนักในด้านของการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการซื้ออสังหาริมทรัพย์ และอาจพิจารณาขยายช่วงเวลาออกไปอีก เช่น การลดค่าธรรมเนียมการโอน หรือคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะหนึ่ง

สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ แต่ต้องอาศัยความร่วมมือและให้ความช่วยเหลือกันจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่ ผู้ประกอบการรายเล็ก ลูกค้า เพื่อช่วยให้ฝ่าวิกฤตและรักษาสเถียรภาพทางเศรษฐกิจและผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกันครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง:


พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญบริการอสังหาฯ ครบวงจร ที่ตอบโจทย์ได้ทุกความต้องการ บริหารงานนิติบุคคลคอนโด หมู่บ้าน อาคารสถานที่ ที่ปรึกษางานขายโครงการ และตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 688 7555 หรือ plus.co.th/contactus


เรื่องเด่นน่าสนใจ

Free E-book

undefined undefined undefined

undefined undefined undefined