เทคโนโลยี IoT เรื่องสำคัญในการเลือกที่อยู่อาศัยยุคใหม่

11 มี.ค. 2021 พลัสทอล์ก


โลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุคของ Internet of Things (IoT) เพราะเทคโนโลยีการอยู่อาศัยไม่เพียงแค่แต่ละอุตสาหกรรมต่างนำอุปกรณ์ IoT และ Big Data Analytics เข้ามาสนับสนุนธุรกิจของตนเท่านั้น อุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้านเรือนเองต่างก็สามารถเชื่อมต่อหากันได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิด ทีวี ตู้เย็น หรือแม้แต่เครื่องชงกาแฟเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่คนยุคใหม่

IoT คือ สัญญาณเครือข่ายที่เชื่อมต่อสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้วยเซ็นเซอร์ โปรแกรม หรือเทคโนโลยีอื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ระบบ ที่เชื่อมหากันติดต่อ แลกเปลี่ยน ถ่ายโอนข้อมูลกันได้ผ่านสัญญาณอินเทอร์เนต

วงการอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันการเลือกซื้อโครงการที่อยู่อาศัยมีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอนโด บ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม ในหลายทำเล หลายระดับราคา ซึ่งก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับผู้บริโภค แต่การจะซื้อบ้านซักหลัง คอนโดซักห้อง การตัดสินใจก่อนเลือกซื้อเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาให้ดี ทั้งเรื่องทำเล ราคา และตัวโครงการแล้ว 

แต่หากในยุคนี้จะพิจารณาเพียงปัจจัยเท่านั้นไม่ได้อีกต่อไป เพราะที่อยู่อาศัยจะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน สิ่งที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตก็คงไม่พ้นเทคโนโลยีในการอยู่อาศัย การพิจารณาให้ลึกถึงเทคโนโลยีที่ผู้พัฒนาโครงการ (Developer) นำมาใช้ในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะ IoT จึงจำเป็นมากในปัจจุบัน

เทคโนโลยีการอยู่อาศัย IoT กับการรักษาความปลอดภัย

การที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต ทำให้เราสามารถควบคุมการทำงานของอุปกรณ์เหล่านั้นผ่านอินเทอร์เน็ต โดยที่ไม่ต้องเดินไปกดปุ่มคำสั่งที่ตัวเครื่อง ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น และในปัจจุบันมีการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์ โดยใช้ระบบ IoT กันขึ้นมามากมาย เช่น Homepod จาก Apple,หรือ Google Home เป็นต้น 

นอกจากความสะดวกสบายที่แต่ละโครงการมอบให้ สิ่งสำคัญอีกเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามคือเรื่อง ความปลอดภัยในการผสานเทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาใช้ในโครงการมีทั้งบริเวณส่วนกลาง (Off-unit) และภายในห้องพักหรือบ้านพักอาศัย (In-unit) ของโครงการ ที่นอกเหนือไปจากความปลอดภัยในด้านการใช้ชีวิตประจำวันทั่วไปที่เราคุ้นเคยก็คือการดูแลโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย หรือ รปภ. ประจำโครงการ แต่การรักษาความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพก็ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมด้วย ดูได้จาก

  • การมีระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้เข้ามาในโครงการ ไม่ว่าจะเป็นระบบคีย์การ์ดในการเข้าถึงห้องพักหรือส่วน Facility ในโครงการ หรือการควบคุม Visitor ควรมีการแลกบัตรประชาชนหรือลงทะเบียนเพื่อตรวจสอบว่าบุคคลภายนอกที่จะเข้าไปในโครงการว่าเป็นใคร มาติดต่อลูกบ้านท่านใด
  • มีระบบ CCTV ที่ครอบคลุมในพื้นที่โดยรอบโครงการและในจุดเสี่ยง
  • มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินตรวจตราในช่วงเวลาต่างๆซึ่งนี่ก็เป็นองค์ประกอบเบื้องต้นในการดูแลความปลอดภัยในโครงการ

การนำเทคโนโลยีการอยู่อาศัย IoT เข้ามาใช้ในวงการอสังหาฯ

ขอยกตัวอย่างการนำเทคโนโลยี IoT เข้ามาใช้เป็นแห่งแรกในวงการอสังหาฯ และเป็นแห่งเดียวในตอนนี้ อย่าง LIV-24 บริการดูแลความปลอดภัยจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24ชั่วโมง ตั้งอยู่ที่อาคารสิริแคมปัส ที่ทางพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ใช้บริหารจัดการด้านวิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลในโครงการที่พักอาศัยในโครงการจากการพัฒนาร่วมกันกับทางแสนสิริ 


โดยเป็นศูนย์เฝ้าระวังที่เชื่อมต่อระบบต่างๆ จากในโครงการมายังส่วนกลาง เพื่อนำข้อมูล real time มาจัดการรับมือภายใต้ภาวะวิกฤติ ซึ่งเป็นการนำข้อมูลด้านความปลอดภัยในพื้นที่ส่วนกลาง (Security Monitoring) และระบบวิศวกรรมอาคารส่วนกลาง (IoT Facility Management) 

โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง สั่งการ และประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง จากส่วนกลาง และสื่อสาร ส่งข้อมูลผ่านไปยังโครงการ ซึ่งในส่วนของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ดังที่กล่าวถึงนั้นจะอยู่ภายใต้การจัดการดูแลของ LIV-24 การจัดการลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในภาวะวิกฤตได้ด้วยการเชื่อมกับกล้องวงจรปิดในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ 

มีระบบ CCTV - Video Analytics ที่ช่วยตรวจจับความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หากระบบวิเคราะห์ตรวจจับได้ถึงความผิดปกติ เช่น มีคนล้มหมดสติในห้องฟิตเนส กล้องจะจับภาพและแจ้งเตือนไปยังศูนย์ควบคุม เพื่อตรวจสอบและรีบประสานเจ้าหน้าที่หน้างานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้าช่วยเหลืออย่างทันท่วงที


นอกจากนี้ยังสามารถตรวจสอบสถานการณ์เดินตรวจตราตามจุดต่างๆ ของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในโครงการ ผ่านระบบ Real-time Guard Tour เพื่อการทำงานที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในโครงการได้ตลอด 365 วัน และ 24 ชั่วโมง สามารถจัดการเหตุที่เกิดได้ในทันที

รวมถึงยังมีการเฝ้าระวัง monitor ได้แบบ Real-time และมีการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ จึงช่วยแก้ไขและลดความเสี่ยงก่อนที่จะเกิดการณ์ไม่คาดฝันได้อีกด้วย

การนำเทคโนโลยี IoT มาใช้ในการบริหารจัดการในโครงการที่พักอาศัยจะช่วยเสริมการทำงานของเจ้าหน้าที่ในแต่ละด้าน ให้สามารถดูแลลูกบ้านและผู้พักอาศัยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือสามารถจัดการเหตุได้ทันท่วงที เพราะเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดสามารถเกิดได้ทุกเมื่อตลอด 24 ชั่วโมง 

ดังนั้นการเลือกซื้อโครงการที่พักอาศัยที่มีเทคโนโลยีการอยู่อาศัย และมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ มีเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นมืออาชีพสามารถดูแลช่วยเหลือเราได้ตลอดเวลา ก็จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้เราได้พักอาศัยอย่างปลอดภัยและสบายใจครับ

บทความที่เกี่ยวข้อง:

𝐋𝐈𝐕-𝟐𝟒 บริการเทคโนโลยี ระบบสังเกตการณ์อัจฉริยะ เป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวในไทยที่มีศูนย์ควบคุมฯ บริการครบวงจร ทำงานแบบไร้รอยต่อ เมื่อเกิดเหตุ ระบบจะประสานผู้เชี่ยวชาญเข้าระงับเหตุและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว สนใจรายละเอียดการติดตั้ง LIV-24 ในโครงการของคุณ  02 688 7555 หรือ plus.co.th/liv24

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รับบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง

สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลด้านบริหารโครงการได้ที่ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อศึกษาข้อมูลการบริการของเราเพิ่มเติมครับ

ค้นหาบริการเพิ่มเติม: บริหารงานนิติบุคคลคอนโดบริหารอาคารสถานที่ที่ปรึกษางานขายโครงการตัวแทนซื้อ ขาย เช่า คอนโดมือสอง , LIV-24 ศูนย์สังเกตการณ์ระบบรักษาความปลอดภัย


ติดต่อทีมงาน PLUS Living Management

Free E-book

undefined undefined undefined

undefined undefined undefined