ส่อง 5 เทคโนโลยีน่าจับตาจากบริษัทบริหารอาคาร ปฏิวัติการบริหารอาคารในรูปแบบใหม่

28 ก.พ. 2022 เคล็ดลับการอยู่อาศัย


เมื่อกล่าวถึง ‘เทคโนโลยีและนวัตกรรมอสังหาริมทรัพย์’ หรือที่หลายคนมักเรียกกันอย่างคูลๆ ว่า ‘Prop Tech’ หรือ ‘Property Technology’ ภาพนวัตกรรมสุดคูลในหัวของใครหลายคนส่วนใหญ่คงเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการอยู่อาศัยภายในบ้าน เช่น Home Automation, Smart Home Technology กันเป็นหลัก ตลอดจนเทคโนโลยีการซื้อ-ขาย-จอง-เช่า และบริการหลังการขายต่าง ๆ 

แต่ อีกหนึ่ง ‘เซ็กเมนต์สำคัญ’ ของวงการอสังหาฯ ที่หลายคนมักคิดไม่ถึงว่ากำลังเติบโตอย่างรวดเร็วควบคู่กับ Prop Tech ก็คือ ‘งานด้านการบริหารอาคาร’ (Property Management) และงานบริหารทรัพยากรอาคาร (Facility Management) โดยบรรดาบริษัทบริหารอาคารต่าง ๆ ที่ได้เริ่มปฏิวัติการบริหารอาคารของตนเองในรูปแบบใหม่กันอย่างน่าสนใจ

หนึ่งในนั้นแน่นอนว่ารวมผู้นำในด้านการบริหารอาคารอย่างพลัส พร็อพเพอร์ตี้ และวันนี้พลัสฯ จึงขอพาทุกท่านมาส่องดู 5 เทคโนโลยีน่าจับตาจากเซ็กเมนต์งานบริหารอาคารของเราและทั่วโลกกัน ทุกนวัตกรรมเรียกได้ว่าสามารถตอบโจทย์งานบริหารและความต้องการของลูกบ้าน-ผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง

1) เทคโนโลยีระบบ Internet of Things (IoT)

เทคโนโลยีระบบ IoT (Internet of Things) หรือ การผสานเอาระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้ามาเป็นศูนย์กลางหลักในการรับ-ส่งข้อมูลและสั่งการในด้านต่าง ๆ ให้ตรงจุด, รวดเร็วและง่ายดายมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการอสังหาฯ แต่ในเซ็กเมนต์ย่อยลงมาอย่าง ‘งานบริหารอาคาร’ ที่คาบเกี่ยวทั้งงานด้านบริหาร-จัดการและการดูแลอาคารทางด้านวิศวกรรมการผสาน IoT ให้เกิดผลอย่างแท้จริงจึงนับว่าค่อนข้างซับซ้อนและท้าทาย 

IoT คือ สัญญาณเครือข่ายที่เชื่อมต่อสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน ด้วยเซ็นเซอร์ โปรแกรม หรือเทคโนโลยีอื่นๆ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้สิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ ระบบ ที่เชื่อมหากันติดต่อ แลกเปลี่ยน ถ่ายโอนข้อมูลกันได้ผ่านสัญญาณอินเทอร์เนต

เช่น ในกรณีการแก้ไขรอยแตกหรือรอยรั่วของท่อประปาที่ฝังอยู่ในผนังอาคาร ที่ส่วนใหญ่มักใช้วิธีการเจาะหาจนกว่าจะพบจุดเสียหายและเสี่ยงทำลายผนังอาคารในหลายจุด ตลอดจนรบกวนผู้อยู่อาศัย หลายแห่งก็มีการคาดการณ์ว่าในอนาคตอันใกล้ เราอาจจะได้เห็นการผสานเอาเทคโนโลยี IoT เข้ามาช่วยสแกนหาจุดเสียหายได้อย่างแม่นยำ, รวดเร็ว และลดผลกระทบต่อตัวอาคารและผู้อยู่อาศัยได้มากขึ้น


โดยสำหรับในประเทศไทย ตัวอย่างกระบวนการบริหารทรัพยากรอาคารด้วยระบบ IoT ที่น่าสนใจ เช่น ระบบปฏิบัติการ ‘Building+’ (บิ้วดิ้งพลัส) โดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่พลิกโฉม Facility Management ด้วยการนำเอาระบบ IoT เข้ามาเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อ, ส่ง-รับข้อมูล และสั่งการในทุกขั้นตอนสำคัญ ครอบคลุมตั้งแต่การเริ่มจัดเก็บ-รวบรวมข้อมูลและความต้องการของลูกค้าจนถึงการรายงานผลการปฏิบัติงานให้กับลูกค้าได้ทราบ 

ช่วยให้ทีมงานสามารถสื่อสาร, ทำงานร่วมกัน และเดินทางเข้าแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที เช่น ในขั้นตอนของ Plus QC ที่สามารถตรวจสอบการทำงานของระบบวิศวกรรมในอาคาร กรณีเกิดเหตุขัดข้องหรือระบบไม่ทำงาน ทีมผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์ปฏิบัติการจากส่วนกลางจะสามารถทราบและประสานให้ฝ่ายโครงการเข้าแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว 

และยังสามารถตรวจสอบระยะการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อประเมินความเสี่ยงที่จะชำรุดล่วงหน้า และแจ้งให้ฝ่ายโครงการเข้าตรวจสอบก่อนที่จะเกิดเหตุขัดข้อง (Preventive Maintenance) ได้อย่างทันท่วงที

2) เทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัย 

อีกหนึ่งภาระหน้าที่รับผิดชอบหลักของบริษัทบริหารอาคารแน่นอนว่าคือการดูแลรักษาความปลอดภัยของ ‘ผู้อยู่อาศัย’ และ ‘ทรัพย์สิน’ ทั้งของส่วนกลางและของผู้อยู่อาศัย โดยสำหรับตัวอย่างเทคโนโลยีระบบรักษาความปลอดภัยในด้านการบริหารอาคารที่น่าสนใจ เช่น เทคโนโลยีระบบความปลอดภัย LIV-24 จากการร่วมมือกันระหว่างแสนสิริและพลัส พร็อพเพอร์ตี้ อีกหนึ่งภาคต่อของการผสานระบบ IoT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารอาคาร เช่น

  • FIRE ALARM: ระบบการแจ้งเตือนเหตุอัคคีภัย
  • HIGH VOLTAGE SUPPLY MONITORING: ระบบการติดตามและแจ้งเตือนค่าแรงดันไฟฟ้า
  • SMART METER (WATER / ELETRIC): ระบบการแจ้งเตือนน้ำรั่วหรือความผิดปกติในการไหลของน้ำ
  • CLUBHOUSE AIR-CON STATUS MONITORING: ระบบการติดตามและแจ้งเตือนสถานะการทำงานของเครื่องปรับอากาศ

และเทคโนโลยีการสังเกตการณ์โดยรอบ เช่น 

  • CCTV-VIDEO ANALYTICS: ระบบวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเหตุการณ์
  • DIGITAL FENCE: ระบบการรับสัญญาณแจ้งเตือนการบุกรุก

ทำงานร่วมกันอย่างผสมผสานจากศูนย์กลาง LIV-24 ที่จะคอยรายงานและแจ้งเตือนความผิดปกติกับโครงการแต่ละแห่งอย่างตรงจุดและทันท่วงที

3) หุ่นยนต์ทำความสะอาด (Cleaning Robots) 

ในช่วงเวลาปัจจุบันที่ ‘การตระหนักรู้และความกังวลเรื่องสุขอนามัย’ มีแต่แนวโน้มจะเพิ่มขึ้นทุกขณะ โมเดลการทำความสะอาดผ่านบุคคลอย่างเดียวจึงอาจไม่เพียงพอและไม่สามารถตอบโจทย์ทุกจุด ในปัจจุบัน เราจึงเริ่มเห็นการใช้งานเทคโนโลยีหุ่นยนต์ทำความสะอาด 

เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่นอัจฉริยะ, หุ่นยนต์ถูพื้นอัจฉริยะ กันมากขึ้นอย่างหลากหลาย และประสิทธิผลความสะอาดที่ยอดเยี่ยมเมื่อประสานเอาความสามารถของหุ่นยนต์และศักยภาพของบุคลากรทำความสะอาดเข้าด้วยกัน ตัวอย่างเช่น เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ทำความสะอาดและช่วยเสริมสร้างประสิทธิผล พลัสฯ ยังมีการใช้หุ่นยนต์(Cleaning Robots) เข้ามาช่วยในการทำความสะอาดสระว่ายน้ำ เป็นต้น


4) หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย (Security Robots)

นอกเหนือจากหุ่นยนต์ทำความสะอาด แน่นอนว่าในหลายแห่งยังมีการใช้หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย เช่น หุ่นยนต์ตรวจการณ์ ทำงานควบคู่กับรปภ. คอยตรวจสอบสิ่งผิดปกติและส่งสัญญาณแจ้งเตือนสู่ส่วนกลาง หรือการทำงานร่วมกันของ AI และ IoT อย่าง Digital Fence ของพลัสฯ ในระบบรักษาความปลอดภัย LIV-24 ที่จะคอยช่วยแจ้งเตือนหากพบการบุกรุกในเขตพื้นที่โครงการ

5) เทคโนโลยีระบบ Smart Parking 

อีกหนึ่งเทคโนโลยีสำคัญสำหรับอาคารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานหรือคอนโดมิเนียม และโดยเฉพาะภายในอาคารที่มีพื้นที่จำกัดหรือมีจำนวนรถจอดต่อวันค่อนข้างมาก เทคโนโลยี Smart Parking อาจแตกต่างกันในแต่ละแห่ง บางโครงการที่ไม่ได้มีปัญหาการจอดรถมากนัก อาจติดตั้งเพียงแค่ระบบเซนเซอร์คอยแจ้งสถานะ 

ส่วนในโครงการคอนโดหรูและที่มีพื้นที่จำกัด อาจมีการใช้ระบบ Auto Parking อย่างเต็มรูปแบบ ช่วยอำนวยทั้งความสะดวกและความปลอดภัยให้กับลูกบ้านอย่างตอบโจทย์

ในทศวรรษข้างหน้า เราคงจะได้เห็นอีกหลากหลายนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในงานด้านบริหารอาคาร และการทำงานร่วมกันระหว่าง Prop Tech และ Human ที่ไม่อาจขาดจากกัน เสริมสร้างกันและกัน สู่ประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ตอบโจทย์และมีคุณค่ามากกว่าเดิม

สรุป
  • 5 เทคโนโลยีงานบริหารอาคารน่าจับตา ได้แก่ ระบบ IoT, ระบบความปลอดภัย, หุ่นยนต์ทำความสะอาด, หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย, และระบบ Smart Parking
  • ระบบ IoT เช่น ระบบปฏิบัติการ ‘Building+’ ของพลัสฯ ที่ผสานเอา IoT เข้ามาช่วยทุกขั้นตอนการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว และตรงจุดมากยิ่งขึ้น
  • ระบบความปลอดภัย เช่น ระบบ LIV-24 ของแสนสิริและพลัสฯ ที่ผสมผสาน IoT และเทคโนโลยีตรวจตรา ยกระดับการรักษาความปลอดภัยจากศูนย์กลาง และเน้นสร้าง Preventive Maintenance
  • หุ่นยนต์ทำความสะอาด เช่น หุ่ยนต์ดูดฝุ่น, หุ่นยนต์ถูพื้น ที่สามารถให้ประสิทธิผลยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อสามารถทำงานร่วมกับผู้ทำความสะอาด
  • หุ่นยนต์รักษาความปลอดภัย เช่น หุ่นยนต์สังเกตการณ์ และการทำงานในลักษณะ AI + IoT อย่าง Digital Fence
  • ระบบ Smart Parking มีหลากหลายแบบขึ้นอยู่กับลักษณะและการใช้งานอาคาร ในบางโครงการอาจมีแค่ระบบแจ้งสถานะที่จอด ในบางโครงการ เช่นโครงการหรู/มีปัญหาเรื่องที่จอด อาจมีการใช้ Auto Parking อย่างเต็มรูปแบบ
บทความที่เกี่ยวข้อง:

𝐋𝐈𝐕-𝟐𝟒 บริการเทคโนโลยี ระบบสังเกตการณ์อัจฉริยะ เป็นเทคโนโลยีหนึ่งเดียวในไทยที่มีศูนย์ควบคุมฯ บริการครบวงจร ทำงานแบบไร้รอยต่อ เมื่อเกิดเหตุ ระบบจะประสานผู้เชี่ยวชาญเข้าระงับเหตุและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว สนใจรายละเอียดการติดตั้ง LIV-24 ในโครงการของคุณ  02 688 7555 หรือ plus.co.th/liv24

หาข้อมูลคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดสุขุมวิท, คอนโดให้เช่า, คอนโดจตุจักร, ขายคอนโด, คอนโดทองหล่อ, ทรัพย์สินรอการขาย, คอนโดพระราม 4, ระบบรักษาความปลอดภัย, บ้านหรู, คอนโดหรู

ติดต่อทีมงาน PLUS Living Management

เรื่องเด่นน่าสนใจ

เรื่องราวยอดนิยม

โครงการแนะนำ

Free E-book

undefined undefined undefined

undefined undefined undefined