Rent to Buy เทรนด์ใหม่การเข้าถึงที่อยู่อาศัยของ First Jobber
การใช้ชีวิตของคนที่เริ่มทำงาน หรือ First Jobber ในเมืองหลวงที่การจราจรแน่นขนัดในชั่วโมงเร่งด่วนอย่างกรุงเทพมหานครนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าใดนัก โดยเฉพาะ First Jobber ที่ต้องเดินทางจากบ้านเข้ามาทำงานย่านใจกลางธุรกิจ เพราะแค่เวลาเดินทางไป-กลับแต่ละวันก็หมดไปหลายชั่วโมง ทำให้มีเวลาส่วนตัวสำหรับพักผ่อน ออกกำลังกายน้อยลง
รวมถึงมีเวลาไปฝึกอัพสกิลด้านต่างๆ เพื่อความก้าวหน้าทางอาชีพ เช่น การเรียนภาษาเพิ่มเติม หรือลงคอร์สต่างๆ ได้ยากขึ้น ดังนั้นการมีคอนโดมิเนียมใกล้ที่ทำงานจึงกลายเป็นเป้าหมายของเหล่าคนทำงานรุ่นใหม่ในยุคนี้
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะเป็นพนักงานมีเงินเดือนประจำมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอทุกเดือน แต่ในความเป็นจริงนั้น กลุ่ม First Jobber มักประสบปัญหาด้านการกู้เงินขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน เนื่องจากการที่เพิ่งเริ่มทำงาน หลายคนยังไม่มีประวัติทางการเงิน ยังไม่มีฐานข้อมูลเครดิต อีกทั้งอายุการทำงานที่ยังไม่มากพอ จึงอาจไม่ได้รับการปล่อยสินเชื่อที่ง่ายนัก
จากช่องว่างของความต้องการและการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ของเหล่า First Jobber ที่เกิดขึ้น ล่าสุดเราจึงได้เห็นการปรับตัวของกลุ่มบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้ออกแบบแพลตฟอร์มโมเดลทางธุรกิจ ให้สามารถจับคู่ความต้องการของผู้ที่อยากจะลงทุนและบริการด้านการเงินของผู้ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ ให้สามารถใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมได้ตามที่ฝัน ด้วยการ “เช่าซื้อ” หรือ Rent to Buy นั่นเอง
ซึ่งการเช่าซื้อคือการทำสัญญาซื้อขายรูปแบบหนึ่ง เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ยังไม่สามารถกู้ขอสินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินได้ แต่ที่จริงแล้วมีความสามารถในการซื้อ ส่วนข้อแตกต่างของการเช่าซื้อ กับ การเช่าทั่วไป มีความแตกต่างกันคือ การเช่าซื้อ จริงๆ แล้วคล้ายกับการเช่าทั่วไป แต่ต่างกันตรงที่การเช่าซื้อเป็นการจ่ายค่าเช่าไปก่อน และเมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนดผู้เช่าจะซื้อห้องคืน และได้สินทรัพย์คอนโดห้องนั้นมาเป็นของตนเอง
รูปแบบโมเดลธุรกิจ Rent to Buy นี้ จะมีตัวแทนเป็นตัวกลางที่ทำหน้าที่หา 1. นักลงทุน ผู้มีเครดิตทางการเงิน ที่สามารถกู้ขอสินเชื่อบ้านจากสถาบันการเงินได้ และหา 2. ผู้ที่ต้องการซื้อคอนโด แต่ยังไม่มีเครดิตการขอสินเชื่อบ้าน เพื่อจับคู่กัน และตัวแทนจะดีลกับสถาบันการเงิน เพื่อทำสัญญาเช่าซื้อ
โดยมีระยะเวลาตามที่กำหนด เพื่อเป็นข้อมูลให้สถาบันการเงินพิจารณาว่าหากผู้เช่าสามารถจ่ายค่าเช่าได้ตามที่กำหนดครบทุกงวด ก็จะเก็บเป็นประวัติทางการเงินที่ช่วยเพิ่มเครดิตให้ผู้เช่า จนสามารถขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินนั้นๆ ได้ เพื่อได้เงินกู้มาซื้อคอนโดนั้นเองในที่สุด
ดังนั้นในมุมคนอยากซื้อบ้านแต่ยังไม่มีเครดิตที่จะกู้ผ่าน ก็สามารถเช่าซื้ออยู่ไปก่อนเพื่อเตรียมตัวกู้ซื้อคืนไปในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา วิธีนี้ไม่เพียงแต่เหมาะสำหรับผู้เช่าซื้อสำหรับอยู่เองเท่านั้น แต่ยังให้ผลดีต่อฝั่งผู้ขายหรือนักลงทุนเพราะสามารถใช้เครดิตตัวเองลงทุน แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจิปาถะหรือการหาคนเช่า ไม่ต้องดูแลห้อง กู้แล้วจบ ลงทุนแล้วก็ได้ผลตอบแทนตั้งแต่วันแรก
อย่างไรก็ตาม การลงทุนก็อาจมีความเสี่ยงในแง่ที่ว่า หากผู้เช่าไม่สามารถจ่ายค่าเช่าได้ครบทุกงวด หรือหากถึงระยะเวลาที่กำหนดแล้วผู้เช่าไม่สามารถซื้อคอนโดคืนไปได้ จะต้องจัดการอย่างไร จึงต้องมีวิธีการที่รัดกุม ด้วยการเลือกเช่าซื้อโดยใช้บริการผ่านตัวแทนให้บริการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ซื้อ-ขาย-เช่า จากบริษัทมืออาชีพ เพื่อเป็นตัวกลางในการประสานจัดการ ที่จะสามารถช่วยคัดกรองเจ้าของห้องที่มีคุณภาพ
รวมถึงคัดกรองผู้เช่าซื้อที่ดีให้กับนักลงทุน ช่วยลดความเสี่ยงของทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งต้องมีสัญญาที่รัดกุมว่าหากเกิดกรณีดังกล่าวต้องมีการซื้อคืนและเปลี่ยนเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่เป็นธรรม ไม่เสียผลประโยชน์ และเมื่อผู้เช่าซื้อได้ทำการเช่าซื้อเรียบร้อยแล้ว ระหว่างนั้นก็จะต้องเตรียมตัวด้านเครดิตให้ดี เพื่อให้สามารถทำการกู้กับสถาบันการเงินเพื่อซื้อคืนห้องได้อย่างเรียบร้อยหลังจากที่สัญญาเช่าซื้อครบกำหนด เพียงเท่านี้ก็จะทำให้กลุ่ม First Jobber สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยในฝันได้อย่างไม่ยากเกินไปนัก
-
มาแต่งห้องเพื่อดึงดูดผู้เช่าในอนาคตกันเถอะ
-
วิเคราะห์อสังหาฯ เชียงใหม่ ความน่าสนใจและแนวโน้มหลังโควิด-19
-
เหตุใดทาวน์โฮมจึงได้ไปต่อ