การจัดการสิ่งแวดล้อมในโครงการที่พักอาศัย มิติใหม่ของงานนิติบุคคล
บทความประจำคอลัมน์ PropNow โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ propholic.com
โดย คุณนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย
“สิ่งแวดล้อม” เป็นประเด็นที่ทั่วโลกเริ่มหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจังในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และยิ่งหลังจากเราเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และได้มีการล็อกดาวน์ทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อช่วยยับยั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
นอกจากนี้ผลกระทบทางอ้อมที่เกิดขึ้นก็คือความเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อม เมื่อผู้คนทั่วโลกงดกิจกรรมการใช้ชีวิตนอกบ้าน เราจะได้รับข่าวสารเรื่องมลพิษในสิ่งแวดล้อมที่ลดลง ฝุ่น PM2.5 อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำลง ธรรมชาติโดยเฉพาะในเมืองท่องเที่ยวมีการฟื้นตัว สวยงาม และหลายพื้นที่ยังพบเห็นสัตว์จำนวนมากที่ไม่ได้พบเห็นกันบ่อยนักในสถานการณ์ปกติ
ดังนั้นสิ่งนี้อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้สังคมกลับมาให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถเริ่มต้นได้จากหน่วยทางสังคม นั่นก็คือการจัดการสิ่งแวดล้อมในที่อยู่อาศัยที่เป็นหน่วยครัวเรือนนั่นเอง
สำหรับโครงการที่อยู่อาศัยทั้งประเภทคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว หรือทาวน์โฮม ผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลจัดการสิ่งแวดล้อมในโครงการก็คือทีมบริหารโครงการที่พักอาศัย หรือที่เราคุ้นเคยกันในบทบาท “นิติบุคคล” ซึ่งโดยทั่วไปจะทำหน้าที่ดูแลสภาพโดยรวมของโครงการ ทั้งเรื่องกายภาพตัวอาคาร พื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวก ให้สะอาดและอยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งานอยู่เสมอ
รวมถึงดูแลเรื่องงานช่าง งานระบบวิศวกรรมอาคาร เช่น ระบบลิฟต์ ประปา ไฟฟ้า ระบบดับเพลิง นอกจากนี้ก็จะเป็นเรื่องดูแลกฎระเบียบ ความสะอาด ความปลอดภัย การอยู่อาศัยร่วมกันของลูกบ้าน รวมถึงจัดการด้านบัญชีและงบประมาณโครงการ ซึ่งที่กล่าวมานี้เป็นมาตรฐานพื้นฐานของงานนิติบุคคล
แต่หากเราพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบันที่การใช้ชีวิตของผู้คนได้เปลี่ยนไป เกิด New Normal จากโควิด-19 รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมและความต้องการของคนในสังคม ดังนั้น งานบริหารนิติบุคคลจึงไม่ใช่เพียงการดูแลตามมาตรฐานเดิมที่เคยปฏิบัติกันมาเท่านั้น แต่เรื่องที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ เช่น การจัดการสิ่งแวดล้อม ก็ถือเป็นอีกหนึ่งมิติใหม่ที่เข้ามามีบทบาทในการดูแลโครงการที่อยู่อาศัยเช่นกัน
จากผลการสำรวจของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ได้สอบถามความคิดเห็นจากพนักงานเอกชนกว่า 1,000 ราย พบว่าจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา มีแนวโน้มจะเกิด New Normal ใหม่ในหลายมิติ ยกตัวอย่างเช่น การ Work from Home ทำงานที่บ้าน หรือการรับประทานอาหารที่เน้นการทานที่บ้านมากขึ้น ทั้งโดยการทำอาหารเองและการสั่งบริการเดลิเวอรี่
ซึ่งตัวอย่างที่ยกมานี้เป็นเรื่องที่สร้างความเปลี่ยนแปลงโดยตรงต่อการดูแลโครงการที่พักอาศัย เพราะคนจะใช้ชีวิตที่บ้านมากขึ้น ดังนั้นบรรยากาศสภาพแวดล้อมในโครงการที่พักอาศัยที่ดีก็เป็นสิ่งที่จะช่วยตอบโจทย์คุณภาพการใช้ชีวิตที่เหมาะสมได้
หากพูดถึงสิ่งแวดล้อม หลายคนอาจจะนึกถึงเรื่องต้นไม้ เรื่องความเป็นคอมมูนิตี้สีเขียว แต่แท้จริงแล้วสิ่งแวดล้อมมีความหลากหลาย ทั้งในเรื่องคุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ แสง การสั่นสะเทือน เรื่องขยะและของเสีย ฯลฯ ดังนั้นหากสามารถดูแลจัดการสิ่งเหล่านี้ในโครงการที่พักอาศัยได้ ก็จะทำให้ลูกบ้านได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี
ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีด้านคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเองแล้ว หากมีกิจกรรมที่ช่วยสนับสนุน ให้ความรู้ด้านความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม ก็จะมีส่วนช่วยรณรงค์และสร้างทัศนคติที่ดีของแต่ละครอบครัวในคอมมูนิตี้แห่งนั้น จนนำไปสู่การช่วยเหลือร่วมมือกันด้านสิ่งแวดล้อมในวงกว้างสู่สังคมได้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในบทบาทงานด้านบริหารโครงการที่พักอาศัย ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเช่นกัน โดยล่าสุด PLUS Eduplex ที่เป็นสถาบันภายในสำหรับพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ได้ร่วมมือกับคณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จัดทำหลักสูตร “นักจัดการสิ่งแวดล้อมฝึกหัด” เพื่อให้ความรู้แก่พนักงานบริหารนิติบุคคลให้มีทักษะด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมในโครงการที่พักอาศัยแบบบูรณาการ สู่การต่อยอดเป็นโครงการต้นแบบด้านสิ่งแวดล้อม
และวางแผนเพื่อพัฒนาต่อไปอีกในอนาคตให้ครอบคลุมโครงการพักอาศัยที่พลัสฯ ดูแลว่า 200 โครงการ ให้เป็นโครงการที่นอกจากจะได้รับการบริการตามมาตรฐานงานนิติบุคคลทั่วไปแล้ว ยังได้รับการดูแลในด้านอื่นๆ เพิ่มเติม ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่และเหมาะกับรูปแบบการใช้ชีวิตในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้ลูกบ้านมีความสุข อุ่นใจ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนค่ะ
-
เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนไปได้ไกลขึ้น อสังหาฯ โดยรอบจะเป็นอย่างไร
-
การเลือกซื้อคอนโดฯ ที่ใช่ กับ โครงการที่มีนิติฯ ดี แบบไหนหายากกว่ากัน
-
New Normal ก้าวต่อภาคอสังหาฯหลัง COVID-19