เช็คความปลอดภัยในหมู่บ้าน เตรียมตัวให้พร้อมก่อนหยุดยาว

31 ม.ค. 2020 พลัสทอล์ก


บทความประจำคอลัมน์ PropNow โดย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่ propholic.com
โดย คุณนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย

ช่วงเทศกาลแบบนี้หลายท่านอาจจะมีแผนไปเที่ยวทางไกล ต้องทิ้งบ้านไว้โดยไม่มีผู้ดูแลหลายๆ วัน สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในโครงการหมู่บ้านอาจจะไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะมีเจ้าหน้าที่ทีมบริหารโครงการช่วยดูแลในช่วงที่ไม่อยู่ แต่ความปลอดภัยเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เราจึงควรสำรวจความพร้อมของระบบการดูแลความปลอดภัยให้รัดกุม 

เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะสามารถทิ้งบ้านไปเที่ยวได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในบทบาทงาน PLUS Living Management ที่ปัจจุบันดูแลบริหารโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมจำนวน 80 โครงการ มีคำแนะนำเรื่องความปลอดภัยที่ทุกท่านสามารถนำไปใช้เพื่อเช็คให้ชัวร์ก่อนหยุดยาวได้ดังต่อไปนี้

ตรวจสอบเตรียมความพร้อมในบริเวณบ้าน

1. เช็คเครื่องใช้ไฟฟ้าและระบบต่างๆ ตรวจดูระบบในตัวบ้านให้ปลอดภัย และปิดระบบที่ไม่ได้ใช้งาน
• ปิดวาล์วน้ำ ป้องกันการลืมเปิดน้ำทิ้งไว้และปัญหาน้ำรั่วซึม เพราะหากมีน้ำรั่วซึมในขณะที่ไม่อยู่บ้านเป็นเวลานานๆ อาจทำให้น้ำท่วมขังจนเกิดความเสียหายในบ้านได้
• ตัดระบบไฟฟ้า หากต้องไปเที่ยวเป็นเวลานานควรตัดระบบไฟฟ้าก่อนจะปลอดภัยที่สุด เช่น สวิตช์ทีวี ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ ก็จะป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรและความเสี่ยงจากเหตุเพลิงไหม้ได้
• ปิดล็อกประตูและหน้าต่างให้เรียบร้อย โดยอาจเปิดแง้มผ้าม่านไว้เล็กน้อย เพื่อให้ทีมผู้ดูแลความปลอดภัยสามารถตรวจตราสังเกตได้หากพบความผิดปกติในตัวบ้าน
• จัดเก็บสิ่งของมีค่าให้มิดชิด ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ลดการสูญเสีย

ตรวจสอบความปลอดภัยของพื้นที่ในละแวกบ้าน
 

2. เช็คระบบความปลอดภัยในโครงการ เนื่องจากโครงการหมู่บ้านจะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวาง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับโครงการคอนโดมิเนียมแล้ว หมู่บ้านต้องใช้ระบบความปลอดภัยที่มากกว่าเพื่อให้ครอบคลุมการดูแลในทุกจุดทุกพื้นที่ของโครงการ ทั้งความปลอดภัยบริเวณพื้นที่ส่วนกลางและในส่วนของที่พักอาศัย โดยระบบความปลอดภัยพื้นฐานที่ทุกโครงการควรจะมี เช่น
• มีกล้อง CCTV ครอบคลุม อยู่ในตำแหน่งต่างๆ โดยรอบและจุดอับสายตา เพื่อความมั่นใจสามารถสอบถามทีมผู้ดูแลโครงการให้ช่วยตรวจสอบเช็คสภาพกล้องว่าสามารถใช้การได้ปกติอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่
• มีระบบจัดการการเข้าออกโครงการที่รัดกุม เช่น ระบบคีย์การ์ดสำหรับเข้าออกโครงการ ระบบ RFID SENSOR อุปกรณ์ติดหน้ารถเพื่อเข้า-ออกโครงการ ใช้เปิดประตูเข้า-ออกโครงการโดยอัตโนมัติเพื่อความสะดวกและปลอดภัย

นอกจากนี้ในบางโครงการยังมีระบบความปลอดภัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น

• Digital Fence ระบบรั้วอัจฉริยะ ที่สามารถส่งสัญญาณเมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในบริเวณโครงการ และแจ้งเตือนทันที เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจัดการควบคุมสถานการณ์ได้ทันท่วงที
• Outdoor Security Camera อุปกรณ์สังเกตการณ์ในบริเวณบ้าน ดูแลความปลอดภัยในบ้านได้อย่างทั่วถึง และแตกต่างจาก CCTV ทั่วไป เพราะสามารถแยกจับสัญญาณคน รถ และสัตว์ ที่เข้ามาในละแวกบ้านได้ โดยจะส่งสัญญาณเตือนผ่าน Application บนมือถือทันที หากเกิดความผิดปกติในบริเวณบ้าน
• Magnetic Sensor เทคโนโลยีระบบตรวจจับการงัดแงะ มั่นใจว่าบ้านปลอดภัยแม้ยามไม่อยู่บ้าน ด้วยเทคโนโลยีระบบตรวจจับการงัดแงะจากเลเซอร์แม่เหล็กที่ติดบริเวณประตูและหน้าต่าง พร้อมด้วยระบบ Motion Sensor ป้องกันการบุกรุกจากการตรวจจับความร้อนและความเคลื่อนไหวภายในบ้าน โดยระบบจะส่งสัญญาณแจ้งเตือนทันทีเมื่อพบความผิดปกติ

3. เช็คความพร้อมของทีมผู้ดูแลโครงการ แม้จะมีระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพแล้ว แต่ส่วนที่สำคัญไม่แพ้กันคือต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้ที่จะมาดูแลระบบเหล่านี้ และสอดส่องดูแลความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดและมีมาตรฐาน โดยควรแจ้งทีมผู้ดูแลโครงการไว้เพื่อให้ช่วยสอดส่องดูแลบ้านเป็นกรณีพิเศษในระหว่างที่ไม่มีคนอยู่บ้าน


• มีรปภ. คอยตรวจเช็คและบันทึกข้อมูลของผู้เข้า-ออกโครงการ และตรวจตราตามช่วงเวลาตลอดทั้งวัน คุมเข้มตรวจสอบบุคคลที่ผ่านเข้า-ออกบริเวณป้อมหน้าโครงการอย่างเข้มงวด และติดตามรถที่เข้า-ออกโครงการ
• มีรปภ. ที่มีความรับผิดชอบตรวจสอบจุดเสี่ยง-จุดล่อแหลมภายในโครงการ และประสานงานส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทราบเพื่อดำเนินการแก้ไขและป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น โดยควรมีระบบที่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการเดินตรวจตราที่ครอบคลุมในจุดที่กำหนดและรัดกุม เช่นของพลัสฯ จะมีระบบ Real-time guard tour ที่มีเครื่องสแกนโดยกำหนดจุดต่างๆ ในโครงการ เพื่อให้รปภ. สแกนยืนยันและรายงานการปฏิบัติหน้าที่ในจุดนั้น
• มีทีมงานคอยตรวจสอบดูความเรียบร้อยภายในโครงการจากกล้องวงจรปิดตลอดเวลา
• มีการตรวจสอบระบบประปา ไฟฟ้า 

ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่ที่ประจำในโครงการแล้ว หากมีทีมสนับสนุนจากส่วนกลางที่ช่วยดูแลความปลอดภัยอีกขั้นหนึ่ง ก็จะช่วยเสริมประสิทธิภาพการดูแลความปลอดภัยให้มากขึ้น 

เช่นในบางโครงการอาจมีศูนย์ควบคุมสังเกตการณ์จากส่วนกลาง ที่มีระบบเทคโนโลยี IoT เชื่อมต่อระบบความปลอดภัยในตัวโครงการเข้าสู่ศูนย์ควบคุม ก็จะทำให้ทีมงานจากส่วนกลางสามารถช่วยสังเกตการณ์และควบคุมป้องกันเหตุได้อีกทางหนึ่ง และหากเกิดเหตุการณ์ผิดปกติก็สามารถช่วยประสานงานและให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที


เพราะบ้านเป็นสถานที่ที่ผู้อยู่อาศัยคาดหวังว่าจะต้องปลอดภัยที่สุด แม้ในขณะที่ไม่ได้อยู่ก็จะต้องไม่รู้สึกว่าเป็นห่วงหรือเป็นกังวลใดๆ ต่อทรัพย์สินและความปลอดภัย 

ซึ่งนอกจากการเช็คองค์ประกอบต่างๆข้างต้นของเจ้าของบ้านแล้ว การบริหารจัดการความปลอดภัยในภาพรวมก็ถือเป็นหน้าที่สำคัญของทีมผู้ดูแลบริหารโครงการที่ต้องดูแลความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพและได้มาตรฐาน เพื่อให้ลูกบ้านและผู้อยู่อาศัยมั่นใจว่าหมู่บ้านนั้นจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย รวมไปถึงอุบัติภัยเหตุและอุบัติภัยต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย

บทความที่เกี่ยวข้อง:  

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร รับบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยและเพื่อการพาณิชย์ ด้วยทีมงานระดับคุณภาพกับประสบการณ์ที่มากกว่า 20 ปี เติมเต็มทุกความต้องการอย่างแท้จริง

สนใจติดต่อเพื่อรับข้อมูลด้านบริหารโครงการได้ที่ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อศึกษาข้อมูลการบริการของเราเพิ่มเติมครับ

ติดต่อทีมงาน PLUS Living Management

Free E-book

5 เทคนิคหาเช่าคอนโดให้สบายใจก่อนแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่

5 เทคนิคหาเช่าคอนโดให้สบายใจก่อนแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่

ปัจจุบันการหาที่พักอาศัยในเมืองสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทางการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม กำลังเป็นที่นิยมกันมาก แต่สำหรับคนที่ยังตัดสินใจซื้อไม่ได้ ย้ายที่ทำงานบ่อย หรือมีงบประมาณที่จำกัดในการเลือกที่อยู่อาศัย คู่มือการหาเช่าคอนโดเล่มนี้จากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปรียบเสมือนเป็นไกด์นำทาง และจะมาบอกเทคนิคดีๆ ไว้ให้คุณหาเช่าคอนโดให้สบายใจตอบโจทย์ทุกความต้องการ