พลัสฯ เปิด 6 เทรนด์อสังหาฯ มาแรง ปี 2563
6 เทรนด์อสังหาฯ มาแรง ปี 2563
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ วิเคราะห์เทรนด์ตลาดอสังหาฯ ปี 2563 จับตา 6 ปัจจัย ขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบไปด้วย 1. เทคโนโลยีเชื่อมต่อการอยู่อาศัย 2. โครงการที่อยู่อาศัยกลุ่มเรียลดีมานด์ยังโตได้ 3. มิกซ์ยูสบุกตลาด 4. การร่วมมือข้ามแบรนด์ 5. โครงการใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ 6. Leasehold มีบทบาทมากขึ้น
ขณะที่ผลสำรวจความน่าเชื่อถือของบริษัทอสังหาฯ อันดับ 1 ยังเป็นเรื่องคุณภาพงานก่อสร้าง ตามด้วยการเลือกใช้วัสดุมีคุณภาพ
นางสาวสุวรรณี มหณรงค์ชัย รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนากลยุทธ์และบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมตอบโจทย์ทุกบริการด้านอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ปี 2563 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกปีหนี่งของวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้าท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว
จากปัจจัยหลายอย่างซึ่งหนึ่งในนั้นคือกำลังซื้อผู้บริโภคที่ยังไม่กลับมา เนื่องจากหนี้ครัวเรือนของไทยทรงตัวอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามในส่วนของอสังหาริมทรัพย์นั้น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะหันมาให้ความสนใจกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดจากกลุ่ม Real Demand โดยพลัส พลัสพร็อพเพอร์ตี้ ทำการวิเคราะห์เทรนด์ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อที่อยู่อาศัยในปี 2563 ซึ่งพบ 6 ปัจจัยหลักที่มาแรง และมีความน่าสนใจ ดังนี้
1. เทคโนโลยีเชื่อมต่อการอยู่อาศัย
โครงการต่างๆ นับจากนี้ไปจะผสมผสานเทคโนโลยีเข้าไปอย่างกลมกลืน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้ซื้อ การเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ ภายในบ้านให้รวมอยู่ในสมาร์ทโฟนจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่จะเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงกันอย่างแพร่หลาย ดังที่เราจะเห็นว่าองค์การขนาดใหญ่เริ่มตื่นตัวและทำการทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่ดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพซอฟต์แวร์รองรับ AI และ IoT
ซึ่งภาคอสังหาริมทรัพย์เองก็เริ่มเปิดโครงการนำร่องที่มีการเชื่อมต่ออุปกรณ์สามาร์ทโฮมเข้ากับ AI และ IoT เช่น ระบบสั่งการด้วยเสียงบน Google Assistant ผู้ช่วยอัจฉริยะประจำบ้าน ตลอดจนการนำเทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพด้านการดูแลบริหารจัดการอาคารในลักษณะของศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง
Sansiri Smart Home โครงการ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา 2
2. โครงการที่อยู่อาศัยกลุ่มเรียลดีมานด์ยังโตได้
หากพิจารณาจากปี 2562 โครงการแนวราบเริ่มมามีบทบาทเพราะเป็นโครงการที่ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ แต่ในปีหน้า (2563) คาดว่าโครงการแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียม หากเป็นโครงการที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่แท้จริง ก็จะยังได้รับความนิยม เพราะได้รับแรงส่งจากการขยายการเปิดใช้รถไฟฟ้า ที่เริ่มเปิดให้บริการส่วนต่อขยายหลายเส้นทาง
ทั้งสายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน และในปี 2563 ก็จะมีสายสีทอง รวมถึงสายสีชมพูและสายสีเหลืองที่มีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2564 ซึ่งทำให้ทำเลตามแนวรถไฟฟ้าเหล่านี้ถูกจับจองด้วยโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตร หรือต่ำกว่า 3 ล้านบาท
ซึ่งมีสัดส่วนรวมกัน 70% ของโครงการใหม่ทั้งหมด พบว่าส่วนใหญ่ถูกพัฒนาบนพื้นที่กรุงเทพชั้นนอก ได้แก่ สุขุมวิทรอบนอก แจ้งวัฒนะ มีนบุรี รามอินทรา และพื้นที่รัชดา-ลาวพร้าว
โครงการ เดอะ เบส เพชรเกษม ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน
3. มิกซ์ยูสบุกตลาด
เนื่องจากเป็นอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบผสมผสาน ที่ประกอบไปด้วยสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม และที่อยู่อาศัย ซึ่งเหมาะกับเมืองหลวงที่มีที่ดินในเขตใจกลางเมืองที่จำกัดอย่างเช่นกรุงเทพมหานคร โดยจากการสำรวจของพลัสฯ พบว่า โครงการส่วนใหญ่จะทยอยเปิดให้บริการระหว่างปี 2561 - 2569
ซึ่งเมื่อโครงการสร้างเสร็จเปิดให้บริการจะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ในเรื่องคุณภาพชีวิตคนที่ทำงานในกรุงเทพมหานคร เนื่องจากมิกซ์ยูสมีจุดเด่นในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกที่โครงการได้จัดไว้ให้บริการอย่างครบครัน และการเดินทางที่สะดวกสบาย แต่ละโครงการติดถนนหลักและเส้นทางรถไฟฟ้า
4. การร่วมมือกันของแบรนด์ต่างๆ
ซึ่งการร่วมมือข้ามแบรนด์นี้จะไม่ได้จำกัดอยู่แค่การเป็น Joint Venture ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่จะมีการดึงแบรนด์ด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ เข้ามาเปิดบริการร่วมกัน เช่น โครงการคอนโดมิเนียมที่มีการร่วมมือกับค่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับให้ลูกบ้านในโครงการเช่าใช้ร่วมกัน หรือการร่วมกับร้านสะดวกซื้อที่เข้ามาให้บริการแบบเดลิเวอรี่ให้กับลูกค้าในโครงการเป็นต้น
แนะนำการใช้งานรถยนต์ Smart Move โดย Plus Living Management
5. โครงการใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ปี 2563 เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกครั้งสำหรับประเด็นด้านการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เริ่มจากการเปิดศักราชด้วยการงดแจกถุงพลาสติกสำหรับห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ สร้างการรับรู้และการปรับตัวของผู้ซื้อครั้งใหญ่
ในภาคอสังหาริมทรัพย์เองก็เริ่มมีการเปลี่ยนไปสู่การตั้งเป้าหมายในการเป็นโครงการสีเขียวมากขึ้น ทั้งการใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วิธีการก่อสร้างที่เกิดเศษวัสดุให้น้อยที่สุด รวมถึงการนำเศษวัสดุจากการก่อสร้างกลับไปรีไซเคิลเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ รวมถึงการบริหารจัดการสิ่งของเหลือใช้สำหรับจำกัดของเสียในโครงการที่อยู่อาศัยอย่างมีประสิทธิภาพ
ซึ่งหลายโครงการเริ่มนำนวัตกรรมการแปรรูปของเสียในโครงการให้เป็นปุ๋ย และบางโครงการก็ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางให้เป็นแปลงปลูกผักออร์แกนิกส์ซึ่งสามารถนำปุ๋ยชีวภาพที่ผลิตขึ้นมาใช้ในแปลงผักส่วนกลางของโครงการ
แปลงผักจากดาดฟ้าโครงการ ออนิกซ์ ดูแลจัดการโดย Plus Living Management
6. Leasehold จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้น
ที่ดินสำหรับพัฒนาโครงการมีจำกัดมากขึ้น ประกอบกับเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ที่นิยมอยู่แบบเป็นโสดมากขึ้น และโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เริ่มทำให้คนไทยเปิดใจรับโครงการแบบ Leasehold มากขึ้นกว่าเดิม เพราะเป็นโครงการที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ที่ไม่ต้องการมีทายาท ทำให้ผู้ซื้อเข้าถึงโครงการคอนโดมิเนียมที่ต้องการในราคาถูกว่าโครงการแบบ Freehold
อีกทั้งโครงการแบบ Leasehold ส่วนใหญ่ยังตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง อีกทั้ง Leasehold ยังตอบโจทย์การเข้ามาซื้อของชาวต่างชาติในโครงการบ้านเดี่ยวที่แก้ปัญหาเรื่องการไม่สามารถถือครองที่ดินของต่างชาติได้อีกด้วย
นอกจากการพัฒนาโครงการให้สอดรับไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัยในยุคปัจจุบันมากขึ้น แต่จากการสำรวจของพลัสฯ พบว่าความเป็นมืออาชีพของบริษัทอสังหาริมทรัพย์เองก็มีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเช่นกัน โดยผู้ซื้อจะวัดความน่าเชื่อถือของบริษัทโดยให้ความสำคัญกับ 5 อันดับ ได้แก่
- คุณภาพงานก่อสร้างดี
- การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา
- ส่งมอบบ้านตรงตามเวลาและตามคุณภาพที่ตกลงไว้
- ให้ข้อมูลที่เป็นจริงไม่โฆษณาเกินจริง
- มีการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆกับสินค้าและบริการ
นอกจากนี้ยังได้ทำการสำรวจความรู้สึกปลอดภัยของที่อยู่อาศัย 5 อันดับแรก ได้แก่
- ให้ความสำคัญกับการมีกล้องวงจรปิดที่ครอบคลุม
- มีสัญญาณกันขโมยหรือสัญญาณเตือนภัยหากเกิดการบุกรุก
- มีรปภ.คอยตรวจตราตลอดทั้งวัน
- มีระบบประตูล็อกดิจิทัล
- มีระบบคีย์การ์ดสำหรับเข้าอาคารหรือมีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ

ซึ่งจากผลสำรวจจะเห็นได้ว่าความต้องการเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย เข้ามามีความสำคัญกับความรู้สึกของผู้ซื้อ แม้ว่าการนำเทคโนโลยีเข้ามาผสานเป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่อาศัยจะยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหม่ แต่ถือเป็นสัญญาณที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้
หาคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดพร้อมอยู่, คอนโดกรุงเทพ, คอนโดให้เช่า, คอนโดมือสอง, คอนโดใกล้รถไฟฟ้า, คอนโดสุขุมวิท
บทความที่เกี่ยวข้อง:
- พลัสฯ ชูบริการ Living Management มัดใจลูกค้า คว้า 4 โครงการใหญ่ ส่งท้ายปี
- พลัสฯ จัด Workshop Fest เอ็กซ์คลูซีฟเวิร์กชอปสุดชิค ประดิษฐ์ของขวัญชิ้นพิเศษรับเทศกาลปีใหม่
- พลัสฯ ปั้นภัณฑารักษ์ สร้างจุดเด่นสู่ผู้นำตลาดคอนโดลักซ์ชัวรี่ ยกระดับงานบริการ ขับเคลื่อนบุคลากร

ติดต่อ PLUS PROPERTY
เรื่องเด่นน่าสนใจ
เรื่องราวยอดนิยม
Free E-book
.jpg?frontend_host=https%3A%2F%2Fdigitalplatform.sansiri.com)
5 เทคนิคหาเช่าคอนโดให้สบายใจก่อนแพ็คกระเป๋าเข้าอยู่
ปัจจุบันการหาที่พักอาศัยในเมืองสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในเรื่องการเดินทางการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยประเภท คอนโดมิเนียม กำลังเป็นที่นิยมกันมาก แต่สำหรับคนที่ยังตัดสินใจซื้อไม่ได้ ย้ายที่ทำงานบ่อย หรือมีงบประมาณที่จำกัดในการเลือกที่อยู่อาศัย คู่มือการหาเช่าคอนโดเล่มนี้จากพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปรียบเสมือนเป็นไกด์นำทาง และจะมาบอกเทคนิคดีๆ ไว้ให้คุณหาเช่าคอนโดให้สบายใจตอบโจทย์ทุกความต้องการ