จุดเริ่มต้น พระโขนง-อ่อนนุช สู่ยุคที่เป็นมากกว่าการอยู่อาศัย
ตอนที่ 1 : พระโขนง-อ่อนนุช ในวันวาน

พระโขนง - อ่อนนุช เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนเช่นกัน กับราคาขายต่อของคอนโดในย่านนี้ที่ขยับสูงขึ้นไปมากกว่า 50% รวมถึงผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าที่ได้รับอยู่ที่ประมาณ 5-7% กับอัตราการอยู่อาศัยที่สูงถึง 77% และการเกิดขึ้นของคอมมูนิตี้มอลล์ แหล่งบันเทิงต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้ครบครัน ทำให้พระโขนง-อ่อนนุชในวันนี้ มีอะไรที่เป็นมากกว่าทำเลสำหรับการอยู่อาศัยไปแล้ว
พระโขนง-อ่อนนุช มักถูกมองว่าเป็นทำเลครึ่งๆ กลางๆ จะบอกว่าเมืองเลยก็ไม่ใช่ จะนอกเมืองเลยก็ไม่ถูกเพราะเดินทางเข้าออกสะดวก และยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมคงอยู่ อีกทั้งยังเคยเป็นชุมชนที่มีความเจริญมากในช่วงหนึ่ง แต่หลังจากเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ทำให้การพัฒนาในย่านนี้เกิดหยุดชะงักไป จนวันที่รถไฟฟ้าสายสีเขียวทอดรางมาสิ้นสุดที่สถานีอ่อนนุช พระโขนงและอ่อนนุชก็ถูกหมายตาจากเหล่านักพัฒนาอสังหาฯ อีกครั้ง
ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับการขยายตัว และความหนาแน่นจากใจกลางเมืองที่ขยายออกมายังพื้นที่ใกล้เคียงอย่างอ่อนนุช ทำให้เหมือนเป็นจุดบรรจบของความเป็นเมือง เมืองใหม่ที่กำลังพัฒนา กับพื้นที่ของชานเมือง จวบจนวันที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายไปสิ้นสุดที่แบริ่ง ก็ทำให้ความก้ำกึ่งของย่านอ่อนนุช – พระโขนง หายไปจนกลายเป็นเมืองใหม่ขนาดย่อมๆ ที่มีองค์ประกอบสำหรับการอยู่อาศัย การเข้ามาของคอนโดที่สมบูรณ์แบบ รวมถึงการพัฒนาแบบก้าวกระโดดที่เกิดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่างจากเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีรถไฟฟ้าอย่างสิ้นเชิง

พระโขนง-อ่อนนุช ในวันวาน
ช่วงก่อนมีรถไฟฟ้าช่วงนั้นย่านพระโขนงก็เริ่มมีความเจริญอยู่พอสมควร เพราะมีการสร้างหมู่บ้านจัดสรร ครั้งแรกๆ ของเมืองไทยในเครือเปรมฤทัย ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ ทำให้เกิดการพัฒนาในย่านนี้เป็นครั้งแรก ณ ตอนนั้นยังไม่มีถนนบางนา – ตราด หากใครจะไปบางแสน-พัทยา วิ่งเข้าสมุทรปราการ ต้องใช้ถนนสุขุมวิทเส้นเก่าอย่างเดียว ความเจริญจึงกระจุกตัวอยู่ที่เอกมัยเพราะมีท้องฟ้าจำลองมาเปิด และ บขส.สายตะวันออกเพื่อการเดินทาง ส่วนโรงเรียนก็มีโรงเรียนปทุมคงคามาตั้งใหม่ๆ แต่ขณะนั้นก็ยังมีโรงเรียนอีกหลายโรงเรียนในพื้นที่เช่น โรงเรียนวัดธาตุทอง โรงเรียนพระโขนงวิทยา โรงเรียนศรีวิกรณ์ ให้ชุมชนเลือกเรียน แต่ความเจริญก็ยังอยู่เฉพาะแนวถนนใหญ่ ไม่ลึกเข้าไปด้านในๆ มากนัก
อีกทั้งซอยอ่อนนุชเมื่อก่อนการจราจรในซอยมีแต่ 2 แถวเล็กเพราะถนนพอสวนกันได้ ตลอดทั้งซอยมีแต่หนองน้ำ บ้านแต่ละหลังมีลักษณะยกสูงหนีน้ำทุกหลัง แถวนั้นเมื่อก่อนติดเขตทุ่งบางกะปิ เมื่อหลุดจากตัวพระโขนงไปจนถึงใกล้ตัวเมืองสมุทรปราการจะมีซอยที่มีคนอยู่อาศัยมากๆ เช่น สุขุมวิท 101 หรือแบริ่งในปัจจุบัน ใครจะเดินทางไปยังพื้นที่นั้นต่างพากันส่ายหัวว่าทำไมเดินทางไปมาลำบากจริงๆ รถเมล์ก็มีแต่สาย 45 กับ สาย 2 บนถนนเส้นหลัก และรถ บขส. เท่านั้น

ภาพประกอบจาก Facebook ย้อนอดีต...วันวาน
หลังจากที่รถไฟฟ้าเปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2542 ใน 2 เส้นทาง หนึ่งในนั้นคือสายสุขุมวิท ระยะทาง 17 กม. ได้รับชื่อพระราชทานว่า "รถไฟฟ้าเฉลิมพระเกียรติ ๖ รอบพระชนมพรรษา สาย 1” ซึ่งสิ้นสุดที่สถานีอ่อนนุช นับตั้งแต่รถไฟฟ้าเริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2542 นอกจากความสะดวกสบายของการเดินทางจากเมืองรอบนอกเพื่อเข้าสู่ย่านธุรกิจใจกลางเมืองแล้ว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงกว่า 15 ปีที่ผ่านมาก็คือความเจริญของพื้นที่โดยรอบแนวรถไฟฟ้าที่เริ่มมีการพัฒนาทั้งที่อยู่อาศัย ร้านค้า ออฟฟิศ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะการเดินทางบริเวณถนนสุขุมวิทนี้สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ภายใน 15 นาที ซึ่งสะดวกรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ย่านพระโขนง – อ่อนนุชที่อยู่ปลายสถานีกลายเป็นทำเลที่ถูกจับตาและกลับมาคึกคักอีกครัง จนเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2554 ได้เปิดให้บริการส่วนต่อขยาย สายสุขุมวิทอย่างเป็นทางการ ระยะทาง 5.25 กม. จากสถานีอ่อนนุชถึงสถานีแบริ่งก็ยิ่งเสริมให้ย่าน พระโขนง – อ่อนนุช ที่ถูกมองเป็นทำเลครึ่งๆ กลาง มีความเป็นชุมชนเมืองอย่างเต็มตัวในที่สุด

ภาพประกอบจาก Bangkokbusclub.com, Facebook ย้อนอดีต...วันวาน
เรื่องเล่าจากชาว พระโขนง-อ่อนนุช
จากการลงพื้นที่สอบถามผู้คนในย่าน รวมถึงการค้นหาขอมูลของทีมงานนั้นแสดงให้เห็นว่าแต่เดิมแล้ว พระโขนง-อ่อนนุช ก็ถูกหมายตาที่จะพัฒนาให้เป็นเมืองใหม่ตั้งแต่สมัยก่อนอยู่แล้ว ทำให้ยังคงหลงเหลือร่องรอยของอารยธรรม กับความเจริญอยู่มากพอสมควรทีเดียว อีกทั้งยังมีความโดดเด่นเฉพาะตัวของทำเลที่ทำให้เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์คของในยุคนั้นเลยก็ว่าได้
คุณ สมปอง อดีตพนักงานโรงหนังพระโขนงเธียเตอร์ เล่าให้ฟังว่า "ในอดีตย่านพระโขนง เป็นย่านที่มีการค้าที่เจริญรุ่งเรืองมาก แม้จะเป็นย่านชานเมือง สังเกตจากการมีโรงหนังในละแวกเดียวกันถึง 6 โรง ได้แก่ พระโขนงเธียเตอร์ ซึ่งเป็นโรงที่บอกว่าใหญ่ที่สุดในประเทศ คือมีถึง 2,000 ที่นั่งนอกจากจะมีโรงหนังถึง 6 โรง ก็ยังมีห้างสรรพสินค้า ไทยไดมารู ห้างอาเชี่ยน ห้างเอดิสัน เอทีเอ็ม เวลโก้ และยังมีร้านค้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ตลาดสด ร้านขายเสื้อผ้า ธนาคาร เรียกว่าคึกคักเลยทีเดียว"
แต่กาลเวลาผ่านไป สิ่งใหม่เข้ามาแทนที่ ทั้งวิดีโอ ส่งผลให้โรงหนังซบเซา การมาของห้างยักษ์ค้าปลีก ส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าดังกล่าว เงียบ และปิดตัวลงไปเหลือไว้เพียงความทรงจำ จนเมื่อวันที่มีแนวรถไฟฟ้ามาถึงก็ทำให้ย่านนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เห็นได้จากปิยะรมณ์ สปอร์ตคลับ ที่เปลี่ยนไปเป็นทั้งคอนโด โรงแรม รวมไปถึงห้าง W district ตลาด W market และ Gateway Ekamai ที่วัยรุ่นในย่านนี้ชอบไปเดินกันนั่นเอง
ภาพประกอบจาก retro.bkkclub.net
คุณ น้ำตาล ผู้ที่อยู่อาศัย และเคยทำการค้าอยู่แถวนี้ แอบมารำลึกความหลังให้ฟังว่า "พระโขนง เคยเป็นถิ่นที่เจริญมาก (ในยุคนั้น) โรงหนังพระโขนงเธียเตอร์ เคยใหญ่ที่สุดใน อาเซียน มี 3 ชั้น และ มีชั้น box พิเศษ (แบบโรงละครโอเปร่า) อยุ่ด้านข้างโดยโรงหนังติดอยู่กับห้างสรรพสินค้า อาเซียน มีห้างไทยไดมารู เป็นห้างระดับไฮเอน (ในยุคนั้น) และ ห้างเล็กๆ น้อยอีก เช่น เวลโก้ เอดิสัน เอสพี และ มีโรงหนังที่อยู่ในห้างซึ่งเป็นต้นแบบโรงหนังสมัยนี้คือ มีโรงหนังฮอลิเดย์ อยูในห้างเวลโก้"
"ส่วนของกินของใช้ และ ร้านค้าย่อยริมทางมีเยอะมากไม่มีอะไรหาไม่ได้ในพระโขนง ตอนเย็นๆ จะมีของกินแถวหน้าธนาคาออมสิน (สุขุมวิท48) ให้เลือกมากมาย ตั้งแต่หูฉลาม-ผัดไท อร่อยมาก ยุคที่เจริญสุดๆ มีแผงลอยตั้งบนฟุตบาท ตั้งแต่หัวมุมถนนพระราม4 - สุขุมวิท48 (ระยะประมาณ 1 กิโลนิดๆ) ขายกันตั้งแต่เย็น - เที่ยงคืนหลังจากนั้นไม่นาน ความเจริญก็ถึงจุดเสื่อม เมื่อหมดสมัยรุ่งเรือง พระโขนงก็กลับมา เป็นชุมชนเงียบๆ อีกครั้ง"
คุณ ภูมินทร์ พนักงานบริษัทย่านอโศก "จริงๆ ก่อนจะตัดสินใจซื้อคอนโดอยู่แถวนี้ก็ไปดูรวมถึงไปอยู่มาหลายที่ เพราะเป็นคนที่ชอบอยู่ใกล้ๆ ที่ทำงาน เพราะมันสะดวกเวลาเดินทางดี ตอนแรกๆ ก็คิดว่าจะซื้อคอนโดอยู่แถวพหลโยธินหรือไม่ก็รัชดา แต่ก็ติดอยู่ว่าราคามันสูงเกินงบที่ตั้งไว้มาก ลองไปดูแถวทำเลแถวชานเมืองมันก็ดูไกลไปหน่อย ถ้าชีวิตต้องติดอยู่กับการเดินทางตลอดก็คงไม่ไหว
อีกส่วนคือเราเคยเช่าอพาร์ทเม้นท์ อยู่แถวนี้ ทำให้มีความคุ้นเคยกับทำเล อีกทั้งคิดว่ามันสะดวกเวลาจะหาอะไรกิน เพราะแถวนี้มีของขายเยอะมาก จะไปทำงานก็สะดวก เพราะนั่งรถไฟฟ้าไปต่อเดียวก็ถึงที่ทำงาน ก็เลยตัดซื้อคอนโดอยู่ที่อ่อนนุช อีกทั้งเข้าไปในซอยหน่อยก็ราคาถูกกว่าติดรถไฟฟ้าพอสมควร แต่ในเรื่องของการเดินทางเข้าเมืองก็แทบไม่ต่างกันเลย อีกทั้งย่านนี้ก็มีคอมมูนิตี้มอลล์ เกิดขึ้นตั้งหลายแห่งทำให้ วันหยุดก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปในเมืองเพราะแถวนี้ก็มีอยู่ครบไม่ต่างกัน"

บทความที่เกี่ยวข้อง:
หาข้อมูลคอนโดที่คุณต้องการได้ที่นี่: คอนโดสุขุมวิท, คอนโดให้เช่า, คอนโดจตุจักร, ขายคอนโด, คอนโดทองหล่อ, คอนโดพระราม 4, ระบบรักษาความปลอดภัย, บ้านหรู, คอนโดหรู, คอนโด 2 ห้องนอน, คอนโดอ่อนนุช, บ้านแสนสิริ
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ตัวแทนด้านอสังหาริมทรัพย์ รับฝากขายปล่อยเช่า พร้อมบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ด้วยทีมงานระดับคุณภาพ หากสนใจอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมของโครงการคอนโดที่มีทำเลน่าสนใจ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทำให้จังหวะชีวิตคุณสุดได้ไม่สะดุด สามารถโทรติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่ 02 688 7555 หรือ คลิกที่นี่ เพื่อค้นหายูนิตฝากขายได้เลยครับ